ข่าว

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในการประชุมคณะทำงาน SMEs Pro-active ครั้งที่ 1/2568 (66) วันที่ 9 มกราคม 2568 ให้ผู้ประกอบการ SMEs กว่า 220 ราย ที่ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศกว่า 80 กิจกรรม

โครงการ SMEs Pro-active เป็นโครงการที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 โดยปัจจุบันเป็นการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 4 (ปีงบประมาณ 2568-2570) ซึ่งคาดว่าในปี 2568 จะสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการมากกว่า 500 ราย เกิดมูลค่าการค้ารวม 4,000 ล้านบาท

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ https:// smesproactive.ditp.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2507 7783, 7786

โครงการ SMEs Pro-active สนับสนุนผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้า AUTOMECHANIKA Shanghai 2024 ระหว่างวันที่ 2-5 ธันวาคม 2567 ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเจาะตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ในต่างประเทศ งานดังกล่าวเป็นงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วน อุปกรณ์ และอะไหล่ยานยนต์ระดับโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งจัดมาแล้วกว่า 20 ปี และในปีนี้มีผู้เข้าชมงาน (Visitors) รวมทั้งสิ้น 222,341 รายจาก 181 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่มีผู้ร่วมจัดแสดงสินค้า 6,763 บริษัท จาก 40 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.66 จากปีที่ผ่านมา

งานแสดงสินค้า AUTOMECHANIKA Shanghai 2024 เป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าที่โครงการ SMEs Pro-active ให้การรับรอง โดยมีผู้ประกอบการไทยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ SMEs Pro-active เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า (Exhibitors) ในครั้งนี้ จำนวน 16 บริษัท จากจำนวนทั้งหมด 19 บริษัท และสามารถสร้างผลการเจรจาการค้าทั้งสิ้น 2,592,500 เหรียญสหรัฐฯ แบ่งออกเป็นมูลค่าการสั่งซื้อทันทีภายในงาน 82,500 เหรียญสหรัฐฯ และคาดการณ์มูลค่าการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 2,510,000 เหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจได้แก่ บู๊ซปีกนก ยางแท่นเครื่อง ลูกหมากช่วงล่าง เพลากลาง และยางรองเบ้า จากผู้ซื้อในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เวียดนาม รัสเซีย และแอลจีเรีย

ทั้งนี้ โครงการ SMEs Pro-active ได้ดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถขยายช่องทางในตลาดต่างประเทศด้วยตนเองตามกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกกิจกรรมที่ขอรับการสนับสนุนจากโครงการฯ ได้ถึง 4 กลุ่มกิจกรรม อาทิ งานแสดงสินค้า/บริการในต่างประเทศ กิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ งานแสดงสินค้า/บริการเสมือนจริงในต่างประเทศ และกิจกรรมส่งเสริมการค้าอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross Border e-Commerce) วงเงินสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อกิจกรรม

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ smesproactive.ditp.go.th และติดตามข่าวสารและความคืบหน้าการรับสมัครในรอบถัดไปได้ทาง Facebook โครงการฯ

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (SMI) นำโดย นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ และประธานสถาบัน SMI พร้อมด้วยกรรมการและทีมงานเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีกับ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสรับตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนำเสนอกรอบการดำเนินงานในปัจจุบัน พร้อมหารือแนวทางในการยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน ในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในมิติใหม่ ๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่องในหลายรูปแบบ เช่น การเป็นหน่วยงานพันธมิตรภายใต้โครงการ SMEs Pro-active ความร่วมมือในการอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการภายใต้หลักสูตร FTI Go Global รุ่นที่ 1 การออกหน่วยเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ฯลฯ เป็นต้น

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ เป็นประธานการหารือระหว่างร่วมกัน เพื่อยกระดับความร่วมมือในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเป็นหน่วยร่วมดำเนินการต่อเนื่องในหลักสูตร FTI Go Global รุ่นที่ 2 การประชาสัมพันธ์ e-Catalog การให้ความรู้เกี่ยวกับบริการของกรมฯ กับผู้ประกอบการภายใต้สังกัดสภาอุตสาหกรรมฯ ฯลฯ เป็นต้น

สำหรับโครงการ SMEs Pro-active เป็นโครงการสำคัญที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 มีวัตถุประสงค์ในการมุ่งส่งเสริม SMEs ไทย ให้มีความเข้มแข็ง และสามารถต่อยอดธุรกิจสู่ตลาดสากล ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีสภาอุตสาหกรรมฯ เป็นหน่วยงานพันธมิตรที่สำคัญในการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ อาทิ การเป็นผู้แทนในคณะทำงานฯ การรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ การตรวจสอบใสมัคร และเอกสารประกอบการเบิกจ่ายของผู้ประกอบการ ฯลฯ เป็นต้น
 

นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานโครงการ SMEs Pro-active ครั้งที่ 3/2567 (65) เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยสาระสำคัญ คือ คณะทำงานฯ ได้เห็นชอบการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยกว่า 232 ราย ในการขยายตลาดในต่างประเทศมากถึง 84 กิจกรรม คิดเป็นวงเงินเกือบ 45 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอีก 6 งาน ได้แก่ งาน Fruit Attraction สเปน, งาน Japan IT Week ญี่ปุ่น, งาน Busan International Seafood & Fisheries Expo เกาหลีใต้, งาน SOFURN & LIFESHOW เกาหลีใต้, งาน Transport Logistic Southeast Asia and Cargo Southeast Asia สิงคโปร์ และงาน International Pet Festival and Expo Vietnam (InterPetFest) เวียดนาม

ที่สำคัญ คณะทำงานฯ ได้เห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบการในการยื่นเอกสารเบิกจ่าย เพื่อขอรับการสนับสนุนผ่านโครงการ SMEs Pro-active โดยผู้ประกอบการต้องส่งหลักฐานขอเบิกเงินต่อสภาฯ ภายใน 35 วัน โดย

• นับถัดจากวันสิ้นสุดกิจกรรม (สำหรับTrade Fair, BOP) 
• นับถัดจากวันเริ่มต้นใช้งานบนแพลตฟอร์ม (สำหรับ Virtual Exhibition) 
• นับถัดจากวันครบกำหนดส่งแบบประเมินผล 3 เดือนแรก (e-Commerce)

ปัจจุบันโครงการฯ ได้เริ่มต้นระยะที่ 4 (ปีงบประมาณ 2568-70) แล้ว หากผู้ประกอบการ SMEs สนใจ สามารถขอรับเงินสนับสนุนโครงการ SMEs Proactive สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พ.ค. 68 - 30 ก.ย. 70 ได้ผ่านทาง https://smesproactive.ditp.go.th/ ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 ม.ค. 68 นี้

ผู้สนใจโปรดติดตามข่าวสารผ่าน FB... และเว็บไซต์... https://smesproactive.ditp.go.th/

เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 4 เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ SMEs ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ “SMEs Pro-active” ผู้ประกอบการไทย รุกไกลตลาดโลก เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30-15.30 น. ผ่านระบบ Zoom และ Facebook Live : SMEs Pro-active by DITP โดยมีนายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม และมีผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมมากกว่า 200 ราย

การเปิดตัวในครั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 4 ไม่ว่าจะเป็นหลักเกณฑ์ สิทธิประโยชน์ และการเบิกจ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการ SMEs เกี่ยวกับโครงการฯ ให้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิจากพันธมิตรของกรมร่วมบรรยายแลกเปลี่ยนข้อมูลที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิกของสภาและสมาชิกของกรม เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการส่งออกของผู้ประกอบการ SMEs

พิเศษในครั้งนี้ ยังมี Alibaba.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถขอรับการสนับสนุนจากโครงการฯ ได้ ร่วมบรรยายเกี่ยวกับการขยายช่องทางการส่งออกเพื่อผู้ประกอบการ SMEs และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กับการสนับสนุนทางด้านการเงินด้วย Promotion Package สำหรับผู้ส่งออก SMEs

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจ สามารถฟังการบรรยายย้อนหลังและดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย ได้ที่ Facebook SMEs Pro-active by DITP

ทั้งนี้ โครงการ SMEs Pro-active ได้ดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถขยายช่องทางในตลาดต่างประเทศด้วยตนเองตามกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกกิจกรรมที่ขอรับการสนับสนุนจากโครงการฯ ได้ถึง 4 กลุ่มกิจกรรม อาทิ งานแสดงสินค้า/บริการในต่างประเทศ กิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ งานแสดงสินค้า/บริการเสมือนจริงในต่างประเทศ และกิจกรรมส่งเสริมการค้าอิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross Border e-Commerce) วงเงินสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อกิจกรรม

ปัจจุบันโครงการ SMEs Pro-active กำลังเข้าสู่ระยะที่ 4 (ปีงบประมาณ 2568 – 2570) โดยเริ่มเปิดรับสมัครรอบแรกระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม – 20 กันยายน 2567 สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 30 กันยายน 2568 ประกาศผลเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งผู้ประกอบการ SME สามารถติดตามข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ smesproactive.ditp.go.th

รอบการสมัครสุดท้ายของการประชุมคณะทำงานโครงการ SMEs Pro-active ในระยะที่ 3 ได้สนับสนุนวงเงินเพิ่มอีกเกือบ 23 ล้านบาท และเห็นชอบในการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 4 (ปี 68-70) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพของ SMEs ไทย ในการขยายตลาดในประเทศเป้าหมายได้ด้วยตนเอง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานโครงการ SMEs Pro-active ครั้งที่ 2/2567 (64) เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้อนุมัติวงเงินเป็นวงเงินเกือบ 23 ล้านบาท สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย จำนวน 114 ราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศ จำนวน 39 กิจกรรม โดยร้อยละ 97 เป็นการขอรับการสนับสนุนเข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้าใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอีก 6 งาน เช่น 1) งาน Indonesia International Pet Expo (IIPE) ณ ประเทศอินโดนิเซีย เป็นงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยในปี 2566 มีผู้เข้าชมงานเกือบ 60,000 คน มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่เข้าร่วมงานนี้ จึงจัดเป็นงานที่มีศักยภาพ 2) งาน Private Label Middle East ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตครอบคลุมทั้ง Food และ Non-Food จึงเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบกับกลุ่มคู่ค้าเป้าหมายจากหลากหลายธุรกิจ 3) งาน Barber Expo Asia & Salon Expo Asia งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสำหรับบุรุษ เนื่องจากเป็นงานแสดงสินค้าเฉพาะทางจึงส่งผลให้ตัวงานมีศักยภาพสูง เป็นต้น ซึ่งการเพิ่มกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่ต้องการเปิดโอกาสทางการค้าในต่างประเทศสำหรับ SMEs ให้กว้างขวางและหลากหลายมากที่สุด

ปัจจุบัน โครงการฯ ได้ดำเนินการจนจบสิ้นในระยะที่ 3 (ปี 62-67) โดย คณะทำงานฯ ได้เห็นชอบในการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่ 4 (ปี 68-70) ร่วมกันต่อไป และจะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างกันในเดือน สค. ที่จะถึงนี้ รวมถึงเตรียมเปิดรับสมัครสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจขอรับการสนับสนุนสำหรับปี 68 ในเดือน ส.ค.-กย. 67 ที่จะถึงนี้

สำหรับผู้สนใจ โปรดติดตามข่าวสาร ผ่าน https://www.facebook.com/smesproactive และเว็บไซต์ https://smesproactive.ditp.go.th/ เร็ว ๆ นี้

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ SMEs Pro-active ครั้งที่ 4/2566 (62) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมได้มีการอนุมัติวงเงินเกือบ 40 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการ SMEs กว่า 200 ราย ที่ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศกว่า 70 กิจกรรม โดยร้อยละ 97 เป็นการขอรับการสนับสนุนเข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศ   

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้บรรจุงานแสดงสินค้าและบริการที่น่าสนใจลงในบัญชีรายชื่องานแสดงสินค้าและบริการที่ได้รับการรับรอง (QEL) เพิ่มอีก 3 งาน ได้แก่ 1) งาน South by Southwest (SXSW) Sydney ประเทศออสเตรเลีย งานเก่าแก่ที่จัดในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ตั้งแต่ปี 2530 ครอบคลุมอุตสาหกรรมด้านบันเทิง สุขภาพ (health and wellness) การศึกษา/การฝึกอบรม ฯลฯ ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการในภาคเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 2) งาน TOKYO PACK “Tokyo International Packaging Exhibition” ประเทศญี่ปุ่น งานด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจร และ 3) งาน ILDEX Philippines ประเทศฟิลิปปินส์ งานด้านอุตสาหกรรมปศุสัตว์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสมัครขอรับการสนับสนุนแต่ขาดคุณสมบัติด้านประสบการณ์ส่งออก สามารถใช้การเข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้า/เจรจาธุรกิจที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นผู้จัด ร่วมกับการเรียนหลักสูตรที่ได้รับการรับรอง (QTL) 1 หลักสูตร โดยล่าสุด โครงการฯ ได้บรรจุหลักสูตร FTI GO Global: Power of Branding & Marketing สร้างพลังแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพิ่มเติม เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเน้นการพัฒนาแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยเฉพาะ

ปัจจุบันโครงการ SMEs Pro-active เป็นการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ 2562 - 2567) ซึ่งยังเหลือรอบการพิจารณาอีกเพียง 2 รอบ เท่านั้น คือ 1) รอบการพิจารณาที่ 1/2567 (63) สำหรับกิจกรรมที่จัดในช่วงเดือนพฤษภาคม - กันยายน 2567 และ 2) รอบการพิจารณาที่ 2/2567 (64) สำหรับกิจกรรมที่จัดในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ https:// smesproactive.ditp.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2507 7783, 7786

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ SMEs Pro-active ครั้งที่ 3/2566 (61) ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ได้มีการอนุมัติวงเงินราว 30 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 155 ราย ที่ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศกว่า 70 กิจกรรม ทั้งกิจกรรมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศและกิจกรรมการเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์แบบ B2B (Cross-Border e-Commerce) ซึ่งปัจจุบันโครงการฯ ให้การสนับสนุนทั้งหมด 3 แพลตฟอร์ม ครอบคลุมผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลก ได้แก่ 1. Alibaba 2. KlangOne และ 3. HKTDC

ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้าใหม่ๆ ในตลาดที่น่าสนใจ เช่น งาน Saudi Pet & Vet Expo และงาน The Saudi Food Show งานอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงและงานอาหารในประเทศซาอุดีอาระเบีย และงาน Ghana Agrofood งานสินค้าเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม ในประเทศกานา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการขยายระยะเวลาวันปิดรับสมัครสำหรับงาน Ambiente, Frankfurt ไปจนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2566 เนื่องจากในปี 2567 มีการเลื่อนการจัดงานเร็วขึ้น (26 – 30 มกราคม 2567) ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอรับการสนับสนุนจากโครงการฯ ไม่ทัน

โครงการ SMEs Pro-active เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ที่มุ่งเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทย โดยการสนับสนุนให้ SMEs สามารถขยายช่องทางในตลาดต่างประเทศด้วยตนเองได้มากขึ้น สำหรับการดำเนินโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ 2562 - 2567) โครงการฯ ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไปแล้วมากกว่า 3,000 ราย เข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดต่างประเทศกว่า 1,000 กิจกรรม สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 20,000 ล้านบาท

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active โดยมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในรูปแบบต่างๆ ในวงเงินสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อครั้ง โดยขณะนี้เป็นการเปิดรับสมัครสำหรับรอบการพิจารณาที่ 4/2566 (62) สำหรับกิจกรรมที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน 2567 

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ https:// smesproactive.ditp.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 250 77783 หรือ 0 2507 7786

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ SMEs Pro-active ครั้งที่ 2/2566 ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ได้มีการอนุมัติวงเงินกว่า 43 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการ SMEs กว่า 200 ราย ที่ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศกว่า 70 กิจกรรม ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ งานแสดงสินค้าในต่างประเทศ กิจกรรมเจรจาการค้าในต่างประเทศ งานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Exhibition) และการเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์แบบ B2B (Cross-Border e-Commerce) โดยเป็นครั้งแรกที่มีการอนุมัติให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์ม KlangOne แพลตฟอร์มซึ่งเน้นการบุกตลาด CLMV

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลกอย่างงาน Salon Gourmets ที่ประเทศสเปน งานแสดงสินค้าหนังสือที่จัดขึ้นในประเทศจีนและอินโดนีเซีย งานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและตุรกี เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการเปิดโอกาสทางการค้าในต่างประเทศสำหรับ SMEs ให้กว้างขวางและหลากหลายมากที่สุด

โครงการ SMEs Pro-active เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถขยายโอกาสทางการค้าในตลาดต่างประเทศทั่วโลก โดยที่ผ่านมาให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไปแล้วมากกว่า 8,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถต่อยอดให้ผู้ประกอบการ SMEs สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 2,800 ล้านบาท

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active โดยมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในรูปแบบต่างๆ ในวงเงินสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อครั้ง โดยขณะนี้ถึง วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เป็นการเปิดรับสมัครสำหรับรอบการพิจารณาที่ 3/2566 ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอรับการสนับสนุนกิจกรรมที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในช่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 จนถึงเดือนกันยายน 2567

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ https:// smesproactive.ditp.go.th/ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 250 77783 หรือ 0 2507 7786

โครงการ SMEs Pro-active ขยายการช่วยเหลือ SMEs  

สนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม “ขายออนไลน์ B2B” รุกตลาดต่างประเทศ

            เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ SMEs Pro-active ครั้งที่1/2566 โดยที่ประชุมได้มีการอนุมัติวงเงินกว่า 37 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการเกือบ 200 ราย ที่ขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจากผลการดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมา ทำให้คาดได้ว่าจะสามารถต่อยอดให้ผู้ประกอบการ SMEs เหล่านี้สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 2,800 ล้านบาท

            นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมในกลุ่ม Cross-Border e-Commerce หรือการเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์แบบ B2B ซึ่งถือเป็นครั้งแรก เพิ่มเติมจากกิจกรรมใน 3 กลุ่มเดิม ได้แก่ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ กิจกรรมเจรจาการค้าในต่างประเทศ และงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Exhibition) ด้วยจำนวนผู้ขอรับการสนับสนุนทั้งสิ้น 19 ราย โดยแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกขอรับการสนับสนุนได้ขณะนี้มี 3 รายการ ได้แก่ แพลตฟอร์ม Alibaba.com แพลตฟอร์มของ KlangOne และแพลตฟอร์ม HKTDC.com  

            โครงการ SMEs Pro-active เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถขยายโอกาสทางการค้าในตลาดต่างประเทศทั่วโลก โดยที่ผ่านมาให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไปแล้วมากกว่า 8,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 25,000 ล้านบาท

            สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active โดยมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนในการเข้าร่วมกิจกรรมขยายตลาดในรูปแบบต่างๆ ในวงเงินสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อครั้ง โดยขณะนี้ถึง วันที่ 20 เมษายน 2566 เป็นการเปิดรับสมัครสำหรับรอบการพิจารณาที่ 2/2566 ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอรับการสนับสนุนกิจกรรมที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในช่วงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 จนถึงเดือนกันยายน 2567

            ผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ https://smesproactive.ditp.go.th/ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 250 77783 หรือ 0 2507 7786