ISO 27001:2013
ข่าวและกิจกรรมเกี่ยวกับโครงการ SMEs Pro-active
ปี 2563 – ปัจจุบัน ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศได้รับกระทบอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยมาตรการควบคุมและจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการขนส่งสินค้าและการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติทั่วโลก ทำให้มีการเลื่อนและยกเลิกการจัดงานอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้า (Center for Exhibition Industry Research - CEIR) ระบุว่า ในปี 2563 อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าที่เน้นการเจรจาธุรกิจ (B2B) ทั่วโลกได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยมีการยกเลิกงานแสดงสินค้ารูปแบบเดิมไปกว่า 73% และมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อไปในอนาคต ในทางกลับกัน ก็เกิดเทรนด์งานแสดงสินค้า/นิทรรศการรูปแบบใหม่ๆ ผ่านระบบออนไลน์ที่เปิดประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการได้อย่างทันยุคสมัย นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและคาดว่าจะเป็น "New Normal" สำหรับผู้จัดงานในอนาคตอย่างถาวร
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย 3 เทรนด์งานแสดงสินค้าในต่างประเทศรูปแบบใหม่ ที่จะทางเลือกแก่ผู้ประกอบการส่งออกไทย ดังนี้
เทรนด์ที่ 1 การจัดงานแสดงสินค้ารูปแบบไฮบริด (Hybrid Exhibition Trade Show) เป็นการผสมผสานรูปแบบงานแสดงสินค้าดั้งเดิมกับการจัดงานแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยบางงานลดส่วนพื้นที่แสดงสินค้าและเพิ่มฟังก์ชั่นการเจรจาการค้าออนไลน์ บางงานจัดงานแสดงสินค้าคู่ขนานไปกับกิจกรรมงานแสดงสินค้าเสมือนจริง งานที่น่าสนใจ อาทิ LIFESTYLE Week TOKYO ที่จัดขึ้นในเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมงานและผู้ชมงาน (Exhibitor และ Visitors) จะลดลงไป และเป็นผู้ซื้อในประเทศเป็นหลัก แต่ผู้เข้าร่วมงานในรูปแบบไฮบริดยังสามารถเข้าร่วมงานผ่านระบบ Zoom เพื่อนำเสนอสินค้าและเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อญี่ปุ่นได้จนมีคำสั่งซื้อจริง THAIFEX-Anuga Asia 2020 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างงานแสดงสินค้า Hybrid ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จัดขึ้นในเดือนกันยายน 2563 ควบคู่กับงานเสมือนจริง THAIFEXporter Virtual Trade Show เพื่อให้ผู้ซื้อจากทั่วโลกได้รับประสบการณ์การเข้าร่วมงานแบบเสมือนจริงตลอด 24 ชั่วโมง
เทรนด์ที่ 2 การจัดงานแสดงสินค้าแบบเสมือนจริง (Virtual Exhibition) เป็นการจัดงานแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ งานที่น่าสนใจ อาทิเช่น Biofach 2021 eSPECIAL และ Vivaness 2021 eSPECIAL ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอินทรีย์/ออแกนิก สินค้าสุขภาพความงามที่ผลิตจากวัตถุดิบออแกนิกและธรรมชาติชื่อดังของเยอรมนี กำหนดจัดขึ้นเสมือนจริงระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งผู้จัดงานนำระบบการจับคู่ธุรกิจอัจฉริยะมาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมงาน
เทรนด์ที่ 3 การเจรจาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของผู้จัดงานแสดงสินค้า เพื่อให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายสามารถเจรจาการค้าระหว่างกันได้ (Sourcing Marketplace) โดยใช้ฐานข้อมูลผู้ซื้อและผู้ขายของงานแสดงสินค้าดั้งเดิม แพลตฟอร์มที่น่าสนใจ อาทิเช่น Saladplate ของผู้จัดงาน Informa Market เป็นเว็ปไซต์แพลตฟอร์มออนไลน์บริการการขายแบบ B2B สำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่มและบริการโรงแรม
“แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้ารูปแบบเดิมที่จัดขึ้นในต่างประเทศได้ แต่โครงการ SMEs Pro-active ได้ขยายหลักเกณฑ์เพื่อให้ครอบคลุมงานแสดงสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ทั้งงานแสดงสินค้า/บริการเสมือนจริงในต่างประเทศ และแพลตฟอร์มการค้า (Sourcing Marketplace) ของผู้จัดงาน ภายใต้ชื่อกิจกรรม “Virtual Exhibition” ซึ่งผู้ประกอบการ SMEs สามารถสมัครขอรับการสนับสนุนได้แล้ว” นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว
โครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) ระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ 2562 – 2565) สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เพื่อขยายตลาดส่งออกและสร้างเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมงาน Virtual Exhibition พร้อมวงเงินสนับสนุนสูงสุด 50,000 บาท จำนวน 6 สิทธิ์ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลและหลักเกณฑ์โครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์โครงการฯ https://smesproactive.ditp.go.th/ หรือ Facebook Page: SMEs Pro-active by DITP สอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-507-7783 หรือ 02-507-7786